ไทยกับเขมร สู้รบกันมาเป็น 1000 ปี แล้ว ตั้งแต่ยุคเดินเท้า ขี่ ช้าง ม้า วัว ควาย
มาจนถึงยุค ขับ Grippen ในปัจจุบัน
การเมืองในอดีต เป็นการประกาศศักดาของกษัตริย์ ในแต่ละแคว้น
พ.ศ. 1600–1700 (คร่าว ๆ)
อาณาจักรเขมรโบราณ (นครวัด–นครธม) มีอำนาจใหญ่ครอบคลุมลุ่มน้ำเจ้าพระยา
ต่อมาสุโขทัย และอยุธยาเริ่มขยายอำนาจขึ้นมาแทนที่
ยุคสุโขทัย (พ.ศ. 1800–1900)
สมัยพ่อขุนรามคำแหง (ปลายพุทธศตวรรษที่ 18)
มีศึกระหว่างสุโขทัย–เขมรบ้าง แต่ไม่บ่อย เพราะเขมรเสื่อมอำนาจลงมากแล้ว
สุโขทัยขยายอำนาจเข้ามาถึงดินแดนลุ่มเจ้าพระยา
ยุคอยุธยา – ขอม (พ.ศ. 1893–2310)
พ.ศ. 1974 (สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 - ขุนหลวงพะงั่ว)
อยุธยายกทัพตีเมืองพระนคร (นครธม) ได้สำเร็จ → อิทธิพลขอมลดลงมาก
พ.ศ. 2113–2133 (สมเด็จพระนเรศวร)
มีศึกกัมพูชา–สยามบ่อยครั้ง กัมพูชาอยู่ระหว่างไทย–ญวน ชอบแปรพักตร์
ตลอดยุคอยุธยา
กัมพูชาส่วนใหญ่เป็นเมืองประเทศราชสลับกับขึ้นญวน/สยาม → ถูกใช้เป็น “รัฐกันชน”
ยุครัตนโกสินทร์ตอนต้น พ.ศ. 2321 (รัชกาลที่ 1)
สงครามสยาม–ญวน เรื่องกัมพูชา → สยามกับญวนแย่งชิงอำนาจในเขมร
พ.ศ. 2324–2360
เกิดสงครามสยาม–ญวน หลายครั้ง โดยกัมพูชาเป็นสมรภูมิ
พ.ศ. 2396 (สมัยรัชกาลที่ 4)
ฝรั่งเศสเริ่มแทรกแซงในกัมพูชา → กัมพูชากลายเป็นรัฐในอารักขาฝรั่งเศส
→ ไทยต้องเสียอำนาจครอบงำในกัมพูชา
สมัยอาณานิคมฝรั่งเศส
พ.ศ. 2449 (สนธิสัญญาอังกฤษ–ฝรั่งเศส)
สยามจำยอมสละสิทธิ์ในกัมพูชาโดยสิ้นเชิง
พ.ศ. 2502–2505 (คดีปราสาทพระวิหาร)
ไทย–กัมพูชาพิพาทเรื่องกรรมสิทธิ์ → ศาลโลกตัดสินให้กัมพูชาได้ไป
จุดชนวนความบาดหมางต่อเนื่อง
สงครามเย็นและความขัดแย้งชายแดน
พ.ศ. 2518 (กัมพูชายุคเขมรแดง)
ไทยมีการปะทะตามชายแดนบ่อยครั้ง ผู้ลี้ภัยจำนวนมากเข้ามาฝั่งไทย
พ.ศ. 2521–2530
ไทยถูกใช้เป็นฐานสนับสนุนฝ่ายต้านเวียดนามและเขมรแดง
พ.ศ. 2534
สันติภาพปารีส → สิ้นสุดสงครามกัมพูชา
ความขัดแย้งชายแดนสมัยใหม่
พ.ศ. 2541–2551
กรณีปราสาทพระวิหารร้อนแรงขึ้นอีก → ไทย–กัมพูชามีการยิงปะทะชายแดน
พ.ศ. 2551–2554
สู้รบหนักหลายครั้งรอบปราสาทพระวิหาร และปราสาทตาเมือน–ตาควาย
มีทหารและชาวบ้านเสียชีวิตทั้งสองฝ่าย
พ.ศ. 2556
ศาลโลกตีความคดีพระวิหารใหม่ → ยืนยันว่าเขตปราสาทเป็นของกัมพูชา แต่ไม่ตัดสินเส้นเขตแดนทั้งหมด
ปัจจุบัน (ทศวรรษ 2560–ปัจจุบัน)
ความสัมพันธ์ไทย–กัมพูชาส่วนใหญ่กลับมาอยู่ในโหมดความร่วมมือ
แต่ยังมี
ข้อพิพาทเขตแดนบางส่วน (เช่น รอบพระวิหาร, พื้นที่ชายแดนสระแก้ว–สุรินทร์)
ปัจจุบัน 24-25 กรกฏาคม พ.ศ. 2568 สงคราม 5 วัน
เกิดการยั่วยุจากฝั่นกัมพูชาตั้งแต่เดือน กุมภาพันธ์ 2568 และ หวังให้ไทยเปิดก่อน
แต่ไทยรู้ ถ้าไทยเปิดก่อนจะทำให้โลกประนามไทย แต่เขมรตกหลุมพรางตัวเอง เปิดก่อน
แทนที่โลกจะล้อมไทย กลับไปล้อมเขมรแทน
ตั้งแต่ ฮุนเซน เตโช ขึ้นครองราชย์ มีอำนาจเหนือกษัตริย์เขมร
ได้สร้างความเชื่อผิดๆ ให้กับคนเขมรด้วยกันเอง สร้างความเกลียดชังต่อสยาม และ เวียตนาม
เป็นการสร้างความคลั่งชาติแบบผิดๆ ดัดแปลงประวัติศาสตร์
ทำให้คนเขมรคิดว่าไทยขโมย ศิลปะวัฒนธรรมมาจากเขมร ทำให้เขมรไม่เจริญรุ่งเรือง
ปัจจุบันการสร้าง Fake News จนคนเขมรเชื่อ ไม่รู้ความจริงของโลก
คนเขมรตั้งแต่ยุคเขมรแดงฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ถูกฝังหัวความเชื่อผิดๆ ปกครองด้วยระบอบโฆษณาชวนเชื่อมาอย่างยาวนาน
เอาเฉพาะยุคฮุนเซน ก็ 38 ปี ที่สมองของคนเขมรโดนฝัง ประวัติศาสตร์บิดเบือน และ ข่าวปลอม
1) เขมรจะไม่พัฒนาไปอีก 100 ปี ขาดความคิดสร้างสรรค์
ผมงานมันแสดงออกมาว่า เขมรไม่มีความสามารถสร้างสรรค์งานศิลปะ การออกแบบใดๆ ทั้งสิ้น
แม้แต่แต่งเะลงยังก๊อปปี้จากไทย เพลงดังๆ ศิลปินดังๆ ของเขมร ลอกจากไทยทั้งหมด
2) เขมรคิดแบบ Critical Thinking ไม่เป็น
อันนี้ประจักษ์ชัดที่สุดในตอนนี้ ไม่มี เอ๊ะ ไม่สืบข้อมูล ไม่มีตรรกกะในการคิด พวกเขาจะเชื่อในสิ่งที่เขาอยากจะเชื่อ
ยอมรับความจริงไม่ได้ คนเขมรเวลาไปอยู่ต่างประเทศจะมีวิธีคิดแปลกๆ ไม่เหมือนชาวบ้าน มันดูเปิ่นๆ ไปหมด
ทั้งหมดทั้งมวลระบบการศึกษาของเขมร พวกเขาจะจะไม่มีคนเก่งๆ ทางด้านวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี่เลย
เพราะระบบการศึกษาให้เชื่อฟังอย่างเดียว ห้ามถาม
ท้ายที่สุดเป็นเพียงแค่แรงงานในเวทีระดับโลก เอาเฉพาะเข้ามาทำงานในไทยก็หลักล้านคน
คิดเป็นเปอร์เซนต์ ประมาณ
5.88% ของประชากรทั้งประเทศ
ยามศึกไทยก็ปราบเขมรมาโดยตลอด
ยามสงบไทยก็ โอบอุ้มช่วยเหลือเขมรเหมือนเดิม เพราะมนุษยธรรม และ ความสงสารของไทยที่มีต่อเขมร
สงคราม-มิตรภาพ สองประเทศนี้แยกออกจากกันไม่ได้ครับ
สถาปนา กษัตริย์เขมร ก็ ไทยนี่แหละ
ร่างรัฐธรรมนูญเขมรให้เขมร ก็ไทยนี่แหละ
ช่วยเหลือเขมรที่อพยพจากเขมรแดง ก็ ไทยนี่แหละ
รับแรงงานเข้ามาทำงานในประเทศไทย ก็ไทยนี่แหละ
พัฒนาสร้างถนนให้ ก็ไทยนี่แหละ
🌻"เขมร" ยังจะเป็นหอกข้างแคร่กับไทยไปอีก 100 ปี ตราบใดที่เขมรยังไม่เปลี่ยนทัศนคติกับไทย
มาจนถึงยุค ขับ Grippen ในปัจจุบัน
การเมืองในอดีต เป็นการประกาศศักดาของกษัตริย์ ในแต่ละแคว้น
พ.ศ. 1600–1700 (คร่าว ๆ)
อาณาจักรเขมรโบราณ (นครวัด–นครธม) มีอำนาจใหญ่ครอบคลุมลุ่มน้ำเจ้าพระยา
ต่อมาสุโขทัย และอยุธยาเริ่มขยายอำนาจขึ้นมาแทนที่
ยุคสุโขทัย (พ.ศ. 1800–1900)
สมัยพ่อขุนรามคำแหง (ปลายพุทธศตวรรษที่ 18)
มีศึกระหว่างสุโขทัย–เขมรบ้าง แต่ไม่บ่อย เพราะเขมรเสื่อมอำนาจลงมากแล้ว
สุโขทัยขยายอำนาจเข้ามาถึงดินแดนลุ่มเจ้าพระยา
ยุคอยุธยา – ขอม (พ.ศ. 1893–2310)
พ.ศ. 1974 (สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 - ขุนหลวงพะงั่ว)
อยุธยายกทัพตีเมืองพระนคร (นครธม) ได้สำเร็จ → อิทธิพลขอมลดลงมาก
พ.ศ. 2113–2133 (สมเด็จพระนเรศวร)
มีศึกกัมพูชา–สยามบ่อยครั้ง กัมพูชาอยู่ระหว่างไทย–ญวน ชอบแปรพักตร์
ตลอดยุคอยุธยา
กัมพูชาส่วนใหญ่เป็นเมืองประเทศราชสลับกับขึ้นญวน/สยาม → ถูกใช้เป็น “รัฐกันชน”
ยุครัตนโกสินทร์ตอนต้น พ.ศ. 2321 (รัชกาลที่ 1)
สงครามสยาม–ญวน เรื่องกัมพูชา → สยามกับญวนแย่งชิงอำนาจในเขมร
พ.ศ. 2324–2360
เกิดสงครามสยาม–ญวน หลายครั้ง โดยกัมพูชาเป็นสมรภูมิ
พ.ศ. 2396 (สมัยรัชกาลที่ 4)
ฝรั่งเศสเริ่มแทรกแซงในกัมพูชา → กัมพูชากลายเป็นรัฐในอารักขาฝรั่งเศส
→ ไทยต้องเสียอำนาจครอบงำในกัมพูชา
สมัยอาณานิคมฝรั่งเศส
พ.ศ. 2449 (สนธิสัญญาอังกฤษ–ฝรั่งเศส)
สยามจำยอมสละสิทธิ์ในกัมพูชาโดยสิ้นเชิง
พ.ศ. 2502–2505 (คดีปราสาทพระวิหาร)
ไทย–กัมพูชาพิพาทเรื่องกรรมสิทธิ์ → ศาลโลกตัดสินให้กัมพูชาได้ไป
จุดชนวนความบาดหมางต่อเนื่อง
สงครามเย็นและความขัดแย้งชายแดน
พ.ศ. 2518 (กัมพูชายุคเขมรแดง)
ไทยมีการปะทะตามชายแดนบ่อยครั้ง ผู้ลี้ภัยจำนวนมากเข้ามาฝั่งไทย
พ.ศ. 2521–2530
ไทยถูกใช้เป็นฐานสนับสนุนฝ่ายต้านเวียดนามและเขมรแดง
พ.ศ. 2534
สันติภาพปารีส → สิ้นสุดสงครามกัมพูชา
ความขัดแย้งชายแดนสมัยใหม่
พ.ศ. 2541–2551
กรณีปราสาทพระวิหารร้อนแรงขึ้นอีก → ไทย–กัมพูชามีการยิงปะทะชายแดน
พ.ศ. 2551–2554
สู้รบหนักหลายครั้งรอบปราสาทพระวิหาร และปราสาทตาเมือน–ตาควาย
มีทหารและชาวบ้านเสียชีวิตทั้งสองฝ่าย
พ.ศ. 2556
ศาลโลกตีความคดีพระวิหารใหม่ → ยืนยันว่าเขตปราสาทเป็นของกัมพูชา แต่ไม่ตัดสินเส้นเขตแดนทั้งหมด
ปัจจุบัน (ทศวรรษ 2560–ปัจจุบัน)
ความสัมพันธ์ไทย–กัมพูชาส่วนใหญ่กลับมาอยู่ในโหมดความร่วมมือ
แต่ยังมี ข้อพิพาทเขตแดนบางส่วน (เช่น รอบพระวิหาร, พื้นที่ชายแดนสระแก้ว–สุรินทร์)
ปัจจุบัน 24-25 กรกฏาคม พ.ศ. 2568 สงคราม 5 วัน
เกิดการยั่วยุจากฝั่นกัมพูชาตั้งแต่เดือน กุมภาพันธ์ 2568 และ หวังให้ไทยเปิดก่อน
แต่ไทยรู้ ถ้าไทยเปิดก่อนจะทำให้โลกประนามไทย แต่เขมรตกหลุมพรางตัวเอง เปิดก่อน
แทนที่โลกจะล้อมไทย กลับไปล้อมเขมรแทน
ตั้งแต่ ฮุนเซน เตโช ขึ้นครองราชย์ มีอำนาจเหนือกษัตริย์เขมร
ได้สร้างความเชื่อผิดๆ ให้กับคนเขมรด้วยกันเอง สร้างความเกลียดชังต่อสยาม และ เวียตนาม
เป็นการสร้างความคลั่งชาติแบบผิดๆ ดัดแปลงประวัติศาสตร์
ทำให้คนเขมรคิดว่าไทยขโมย ศิลปะวัฒนธรรมมาจากเขมร ทำให้เขมรไม่เจริญรุ่งเรือง
ปัจจุบันการสร้าง Fake News จนคนเขมรเชื่อ ไม่รู้ความจริงของโลก
คนเขมรตั้งแต่ยุคเขมรแดงฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ถูกฝังหัวความเชื่อผิดๆ ปกครองด้วยระบอบโฆษณาชวนเชื่อมาอย่างยาวนาน
เอาเฉพาะยุคฮุนเซน ก็ 38 ปี ที่สมองของคนเขมรโดนฝัง ประวัติศาสตร์บิดเบือน และ ข่าวปลอม
1) เขมรจะไม่พัฒนาไปอีก 100 ปี ขาดความคิดสร้างสรรค์
ผมงานมันแสดงออกมาว่า เขมรไม่มีความสามารถสร้างสรรค์งานศิลปะ การออกแบบใดๆ ทั้งสิ้น
แม้แต่แต่งเะลงยังก๊อปปี้จากไทย เพลงดังๆ ศิลปินดังๆ ของเขมร ลอกจากไทยทั้งหมด
2) เขมรคิดแบบ Critical Thinking ไม่เป็น
อันนี้ประจักษ์ชัดที่สุดในตอนนี้ ไม่มี เอ๊ะ ไม่สืบข้อมูล ไม่มีตรรกกะในการคิด พวกเขาจะเชื่อในสิ่งที่เขาอยากจะเชื่อ
ยอมรับความจริงไม่ได้ คนเขมรเวลาไปอยู่ต่างประเทศจะมีวิธีคิดแปลกๆ ไม่เหมือนชาวบ้าน มันดูเปิ่นๆ ไปหมด
ทั้งหมดทั้งมวลระบบการศึกษาของเขมร พวกเขาจะจะไม่มีคนเก่งๆ ทางด้านวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี่เลย
เพราะระบบการศึกษาให้เชื่อฟังอย่างเดียว ห้ามถาม
ท้ายที่สุดเป็นเพียงแค่แรงงานในเวทีระดับโลก เอาเฉพาะเข้ามาทำงานในไทยก็หลักล้านคน
คิดเป็นเปอร์เซนต์ ประมาณ 5.88% ของประชากรทั้งประเทศ
ยามศึกไทยก็ปราบเขมรมาโดยตลอด
ยามสงบไทยก็ โอบอุ้มช่วยเหลือเขมรเหมือนเดิม เพราะมนุษยธรรม และ ความสงสารของไทยที่มีต่อเขมร
สงคราม-มิตรภาพ สองประเทศนี้แยกออกจากกันไม่ได้ครับ
สถาปนา กษัตริย์เขมร ก็ ไทยนี่แหละ
ร่างรัฐธรรมนูญเขมรให้เขมร ก็ไทยนี่แหละ
ช่วยเหลือเขมรที่อพยพจากเขมรแดง ก็ ไทยนี่แหละ
รับแรงงานเข้ามาทำงานในประเทศไทย ก็ไทยนี่แหละ
พัฒนาสร้างถนนให้ ก็ไทยนี่แหละ